New Modern Luxury Hotel in :

สัมผัสเครื่องดื่มมิติใหม่กับ 4 ร้านค็อกเทลใจกลางสาทร

คุณเคยรู้สึกไหม? พอเลิกงานแล้วแต่ยังไม่อยากกลับบ้าน พอคิดจะไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจก็ไม่รู้จะไปที่ไหนดี จะนัดเพื่อนกินข้าวก็ต้องนั่งรออีกนาน หรือจะไปเดินห้างก็กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ได้ของติดมือกลับมาแน่ ๆ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาสถานที่ดี ๆ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศแปลกใหม่ที่จะช่วยให้ลืมความเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือจะใช้เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าเพื่อนฝูงที่จะเป็นการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ของค่ำคืนด้วยล่ะก็ เราขอชวนคุณไปแฮงเอาต์แบบชิว ๆ กับ 4 ร้านค็อกเทลใจกลางกรุงเทพฯ ที่มาพร้อมเมนูพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ที่กำลังรอให้คุณไปค้นหา จะมีที่ไหนบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย

Revolucion Cocktail Bangkok

Revolucion Cocktail Bangkok จัดเป็นอีกหนึ่งร้านค็อกเทลใจกลางสาทรที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน เพราะนอกจากจะมีค็อกเทลสุดครีเอทที่บาร์เทนเดอร์ชื่อดังของเมืองไทยอย่าง “Sebastian Bonnefoi” คอยกำกับการดูแลแล้ว บาร์แห่งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ลองสัมผัสกลิ่นอายความเป็นละตินอเมริกันผ่านกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การเต้น Salsa ที่นำทีมโดยนักเต้นระดับโลกหลายคน เป็นต้น บอกเลยว่าหากใครอยากผ่อนคลายหลังเลิกงานด้วยกิจกรรมสนุก ๆ พร้อมค็อกเทลของบาร์เทนเดอร์ฝีมือระดับโลก ต้องไม่พลาดกับการไป ร้านค็อกเทลใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง Revolucion Cocktail Bangkok แห่งนี้ 

เมนูพิเศษที่ต้องลอง

“Revolucion Cocktail” ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่หากใครได้มา Revolucion Cocktail Bangkok เป็นอันต้องสั่ง เพราะร้านค็อกเทลแห่งนี้ได้บรรจงเลือกสรรส่วนผสมที่เข้ากันอย่างลงตัว ที่ให้รสสัมผัสและความละมุนของความเปรี้ยวแบบหอม ๆ จากเสาวรสและโรสแมรี่ จากนั้นจะค่อย ๆ รับรู้ถึงกลิ่นของวอดก้าที่แอบซ่อนอยู่ภายใน อีกทั้งยังผสมด้วยเหล้าชั้นดีอย่าง Absinth อย่างพอเหมาะ และเพิ่มความพิเศษอีกนิดด้วย “ก้อนน้ำตาล” ที่อยู่ด้านบนเพื่อตัดรสให้ค็อกเทลแก้วนี้อร่อยอย่างลงตัว ถือว่าเป็นแก้วที่ตอบโจทย์ทุกรสชาติในราคาเพียงแก้วละ 330 บาทเท่านั้น หากใครได้ลองเป็นอันต้องติดใจ ซึ่งนอกจากค็อกเทลซิกเนเจอร์ตัวนี้แล้ว ทางร้านยังมีค็อกเทลอีกมากมาย ทั้งในแบบคลาสสิกค็อกเทล หรือค็อกเทลสูตรเฉพาะจากทางร้าน ให้ได้เลือกชิมอีกด้วย 

วิธีเดินทางไปที่ร้าน

หากใครอยากลองสัมผัสความพิเศษของร้านค็อกเทลใจกลางสาทรแห่งนี้ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสุรศักดิ์ จากนั้นให้เดินหรือนั่งแท็กซี่ไปยังถนนสีลม โดยร้านจะอยู่ในซอยสีลม 10

Scarlett Wine Bar & Restaurant

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเบอร์เกอร์เป็นชีวิตจิตใจ อาจจะเคยได้เห็นและสัมผัสความอร่อยที่ไม่มีใครเทียบของร้าน 25 Degrees มาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่า? หากขึ้นลิฟต์ต่อไปยังชั้นที่ 37 คุณยังจะได้สัมผัสกับความอร่อยของอาหารและเครื่องดื่มมากมายจากร้านค็อกเทลอย่าง Scarlett Wine Bar & Restaurant อีกด้วย พออ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนคงอาจสงสัยว่า ร้านนี้เป็นร้านอาหารประจำ Pullman Bangkok Hotel G แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีค็อกเทลดี ๆ ให้ลองชิมด้วย หากใครยังสงสัยแบบนี้อยู่ล่ะก็ มาดูกันดีกว่าว่าที่ Scarlett Wine Bar & Restaurant นั้นมีค็อกเทลแบบไหนให้เลือกชิมบ้าง

เมนูพิเศษที่ต้องลอง

ชื่อร้าน Scarlett Wine Bar & Restaurant บอกเราเป็นนัย ๆ อยู่แล้วว่า ไวน์จากทางร้านจะต้องมีอะไรที่พิเศษและเป็นเอกลักษณ์มากกว่าที่อื่น ๆ แน่นอน ด้วยเหตุนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ “French Paradox” กัน โดยค็อกเทลสูตรพิเศษนี้จะถูกมิกซ์โดยใช้ไวน์เป็นเบสนั่นเอง ส่วนผสมของความอร่อยเริ่มต้นที่ไวน์แดงรุ่นพิเศษที่ทางร้านเลือกใช้ จากนั้นก็ค่อย ๆ แต่งเติมรสชาติด้วยแอปเปิ้ลบรั่นดีอย่าง Calvados และตามมาด้วยความหอมจากไซรัปจากซินามอน และสุดท้ายตัดรสชาติอย่างลงตัวด้วยน้ำมะนาวสด ๆ ซึ่งหากใครได้ลิ้มลองก็เป็นต้องบอกว่า แปลกใหม่ และมีเบสความหอมที่ผสมเข้ากันอย่างลงตัว ที่สำคัญ ยังมาในราคาที่คุ้มค่า เพียงแก้วละ 320 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ทางร้านค็อกเทลแห่งนี้ยังมีค็อกเทลสูตรพิเศษให้ได้ลองเลือกชิมและค้นหาความชอบมากถึง 11 เมนูเลยทีเดียว

วิธีเดินทางไปที่ร้าน

คุณสามารถแวะเข้ามาสัมผัสทุกความพิเศษของค็อกเทลที่ Scarlett Wine Bar & Restaurant ได้ที่โรงแรม Pullman Bangkok Hotel G ซึ่งสามารถเดินทางได้ง่าย ๆ เพียงนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีช่องนนทรี จากนั้นให้เดินตรงมายังถนนสีลม เพียงเท่านี้ก็สามารถลิ้มลองความพิเศษของ “French Paradox” ของร้านค็อกเทลแห่งนี้ได้แล้ว

The Bar at The House on Sathorn

หากใครชื่นชอบสถาปัตกรรมแบบเก่าและชอบสัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิกจากสถานที่เหล่านี้ บอกได้คำเดียวว่า การไปลิ้มลองค็อกเทลสูตรเด็ดที่ร้านค็อกเทลอย่าง The Bar at The House on Sathorn จะทำให้คุณรู้สึก “ตกหลุมรัก” โดยตัวร้าน The Bar นั้นจะเป็นโซนที่จัดอยู่ใน The House on Sathorn หรือบ้านสาทรที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี ซึ่งแต่ก่อนนี้บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของหลวงสาทรผู้เป็นผู้รับเหมาขุดคลองในพระนคร แต่ในปัจจุบันนี้ บ้านเก่าแก่หลังนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม W Bangkok นั่นเอง

เมนูพิเศษที่ต้องลอง

หากใครต้องมนต์สะกดความคลาสสิกของร้านค็อกเทลใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง The House on Sathorn เข้าให้แล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้ามาชมสถาปัตกรรมเก่า ๆ ไปพร้อมกับการดื่มด่ำค็อกเทลสูตรพิเศษอย่าง “Diva” กัน โดยค็อกเทลที่เป็นเอกลักษณ์จากทางร้าน จะเป็นการมิกซ์วอดก้าเข้ากับเตกีล่าอย่างเข้มข้น จากนั้นเติมความหอมนวล ๆ ด้วยน้ำมะพร้าว พร้อมชูความหอมหวานด้วยไซรัปกุหลาบและมะลิ ซึ่งความอร่อยที่ลงตัวของ Diva ทุกแก้วจะถูกรังสรรค์ขึ้นโดยบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีอย่าง “Michele Montauti” หากใครเลิกงานแล้วรู้สึกเหนื่อย อยากที่จะผ่อนคลาย สามารถแวะไปเติมพลังกับ Diva แก้วนี้ได้ในราคาเพียงแก้วละ 420 บาทเท่านั้น

วิธีเดินทางไปที่ร้าน

สำหรับใครที่ต้องการลิ้มลองความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Diva ไปพร้อม ๆ กับชื่นชมความงามของบ้าน The House on Sathorn เราขอแนะนำให้คุณนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีช่องนนทรี จากนั้นให้เดินมายังที่โรงแรม W Bangkok เพียงเท่านี้คุณก็จะได้สัมผัสความพิเศษเหนือใครที่ร้านค็อกเทลกลางกรุงเทพฯ แห่งนี้

Vesper

“ความแตกต่าง” ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่ร้านค็อกเทลใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง Vesper ยึดมั่นเสมอมา นอกจากร้านจะตกแต่งด้วยสีเขียวหัวเป็ดที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ทางร้านยังมาพร้อมกับค็อกเทลรสชาติดีที่จะปรับเปลี่ยนไปตามโอกาสพิเศษ การันตีความพิเศษของค็อกเทลทุกแก้วด้วยรางวัล Asia’s 50 Best Bars ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา และรางวัล The World’s 50 Best Bars 2020 ที่เป็น New Entry ลำดับที่ 62 อีกทั้งยังมีบาร์เทนเดอร์เจ้าของรางวัลระดับโลกอย่าง “คุณศุภวิชญ์ มุททารัตน์” ที่จะมาถ่ายทอดและส่งต่อเรื่องราวความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในค็อกเทลทุกแก้วอีกด้วย

เมนูพิเศษที่ต้องลอง

การเลือกเมนูพิเศษจาก Vesper นั้นถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ๆ เพราะ นอกจากเมนูจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้ว ความพิเศษของแต่ละเมนูนั้นก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าจะต้องเลือกนั้น เราขอแนะนำค็อกเทลดื่มง่ายอย่าง “Silver Vesper” ที่มาในราคาเพียงแก้วละ 440 บาท ซึ่งภายใน 1 แก้ว จะมีส่วนผสมอย่าง Tanqueray Gin ผสมกับ Ketel One Vodka เติมเสน่ห์ให้รสชาติน่าค้นหามากยิ่งขึ้นด้วย Italian Aperitif และสุดท้าย เพิ่มความหอมให้รู้สึกสดชื่นด้วย Organge Bitter และหากใครได้ชิมจะถูกปากอย่างแน่นอน   

ซึ่งความมีเอกลักษณ์ของร้านค็อกเทลอย่าง Vesper คือสามารถนำความโดดเด่นของทุกส่วนผสมมารวมกันได้อย่างไร้ที่ติ ใครอยากสัมผัสกับเครื่องดื่มรสชาติดี ๆ แบบนี้ก็แวะไปกันได้เลย

วิธีเดินทางไปที่ร้าน

หากใครอยากลองสัมผัสความแตกต่างของค็อกเทลที่ร้านค็อกเทลใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง Vesper คุณสามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปลงที่สถานีศาลาแดง และเดินลัดมายังซอยคอนแวนต์ได้ หรือจะนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีสีลมและเดินตัดมายังซอยคอนแวนต์ก็สะดวกเช่นกัน

สุดท้ายนี้ หวังว่าเมนูค็อกเทลจากร้านค็อกเทลชื่อดังที่นำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้ทุกคนได้หาแหล่งพักผ่อนหย่อนหลังเลิกงานในใจกลางกรุงเทพฯ ได้ ซึ่งหากใครดื่มด่ำและเพลิดเพลินไปกับค็อกเทลจนเดินทางกลับไม่ไหว สามารถเดินทางมาพักเอนกายและปิดท้ายความพิเศษของค่ำคืนได้ที่ โรงแรมอมันตา โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเดนซ์ สาทร หรือคลิกที่นี่เพื่อดูโปรโมชั่นพิเศษ